เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคปอดอักเสบในประเทศจีน (Novel Coronavirus 2019): ตระหนักแต่ไม่ตื่นตระหนก #2

เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เราเพิ่งรู้ว่ามีโรคปอดอักเสบที่ยังเป็นปริศนาอยู่ที่เมืองจีน ตอนนั้นเราไม่รู้อะไรมาก แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสารปัจจุบัน ทำให้ตอนนี้เรารู้เรื่องมากขึ้นหลายอย่างครับ เราลองมาดูกันว่ามีข้อมูลอะไรใหม่บ้าง ถึงปัจจุบัน   

1. ตอนนี้เรารู้แล้วหรือยังว่าสาเหตุของโรคเป็นเชื้ออะไร 

ตอนนี้เรารู้แล้วครับว่า เชื้อสาเหตุโรคปอดอักเสบจากจีนคือเชื้อในกลุ่ม Coronavirus ซึ่งจริงๆเชื้อในกลุ่มนี้มีมากมายหลายสายพันธุ์ มีทั้งทำให้เกิดอาการไข้หวัดธรรมดา ที่ใครๆก็เป็นได้ หรือบางชนิด บางสายพันธุ์ของ Coronavirus มีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เช่น โรคซาร์ส (SARS) ก็จัดเป็น Coronavirus ชนิดหนึ่ง สำหรับเชื้อต้นเหตุในรอบนี้ แม้ว่าจะเป็นกลุ่ม Coronavirus เหมือนกัน แต่เป็นเชื้อใหม่ที่ไม่มีใครค้นพบมาก่อน และไม่ใช่เชื้อ SARS ทางองค์การอนามัยโลกจึงใช้ชื่อว่า Novel Coronavirus 2019 ไปพลางๆก่อน

จริงๆถ้าโลกเราไม่ได้ก้าวหน้าแบบนี้การที่จะบอกว่าโรคใหม่ที่เพิ่งอุบัติเกิดจากเชื้ออะไรจะใช้เวลานานมาก แต่ปัจจุบันใช้เวลาสั้นมากครับ เพราะนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยทั่วโลกร่วมมือกัน รวมทั้งทางการจีนเมื่อพบเชื้อดังกล่าว ได้มีการเผยแพร่ Genome หรือรหัสพันธุกรรมของเชื้อลงใน GenBank© ซึ่งเป็นฐานข้อมูลวิชาการทำให้ทุกประเทศสามารถใช้ประโยชน์ และสามารถผลิตวิธีการตรวจเชื้อดังกล่าวได้เลย ว่าเป็นเชื้อ Novel Coronavirus หรือไม่ 

2. โรคนี้แพร่กระจายทางไหน และติดต่อจากคนสู่คนได้หรือไม่ 

เรายังไม่ทราบครับว่า วิธีการแพร่ระบาดของเชื้อนี้ (mode of transmission) เป็นอย่างไร แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้วิธีป้องกันแบบโรคติดต่อทางเดินหายใจไปก่อน และโชคดีที่ยังไม่พบการระบาดจากคนสู่คน อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ในทางทฤษฎีที่อาจจะมีการแพร่จากคนสู่คนได้ แต่น่าจะเป็นในวงจำกัด และการแพร่จากคนสู่คนไม่ง่ายนัก เพราะในปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานดังกล่าว รวมถึงไม่พบว่าบุคลากรทางการแพทย์รายใดติดเชื้อจากการดูแลรักษาผู้ป่วย

สำหรับเรื่องสัตว์นำโรค หรือการแพร่ระบาดจะเกี่ยวกับตลาดสด ขายอาหารทะเล หรือเกิดโรคจากสัตว์สู่คนหรือไม่ ยังไม่ทราบแน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนคาดว่าค้างคาวอาจจะเป็นแหล่งรังโรค (Reservoir)   

รูปแสดงมณฑลหูเป่ย เมืองอู่ฮั่น ซึ่งเกิดการระบาดของเชื้อ Coronavirus สายพันธุ์ใหม่ (Source: US CDC)

3.เชื้อโรคปอดอักเสบจากจีนนี้น่ากลัวหรือไม่ ความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน 

ความรุนแรงของเชื้อชนิดนี้ยังคาดเดายาก แต่จากข้อมูลการรายงานการเจ็บป่วยในขณะนี้ (ข้อมูล ณ. 17 มกราคม 63) พบว่าจำนวนผู้ป่วยยืนยันในประเทศจีนทั้งหมด 41 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย  ดูเหมือนอัตราการตายจะไม่สูงนักเมื่อเทียบกับโรคซาร์ส

4. ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยแล้วกี่ราย และทำไมประเทศไทยถึงพบผู้ป่วยได้ แม้ทางการจะบอกว่ามีระบบป้องกันเป็นอย่างดี

ณ.วันที่ 17 มกราคม 2563 ประเทศไทยเราพบผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย และไม่มีผู้ป่วยรายใดมีอาการรุนแรง

จริงๆการที่พบผู้ป่วยในประเทศไทยไม่ใช่สิ่งที่แปลก หรือเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาหรือแม้แต่องค์การอนามัยโลกเองเชื่อว่า มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศอื่นๆอยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีการเดินทางอย่างกว้างขวาง และสามารถเตินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ในประเทศไทยเองมีเที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทยทุกว้น และเรามีการตรวจคัดกรองที่สนามบินด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบันสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ฯลฯ ดังนั้นเมื่อพบผู้โดยสารมีไข้ เจ้าหน้าที่จะทำตรวจและถ้าเข้าข่ายจะทำการแยกโรค และตรวจรักษาโดยทันที

จริงๆการตรวจพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวในไทย มองแง่หนึ่งก็นับเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะเป็นการแสดงว่าระบบการเฝ้าระวังของเรามีประสิทธิภาพ เราสามารถค้นหาผู้ป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆและทำการแยกผู้ป่วย และตรวจรักษาอย่างทันที แสดงว่าระบบเราดีมาก ลองคิดดูอีกแบบครับ ถ้าระบบเราไม่ดี ไม่มีการคัดกรองเลย นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเมื่อเกิดการป่วย ก็ไม่มีใครรู้ ผู้ป่วยก็ไปตรวจรักษาตามปกติ ทำให้อาจมีการแพร่เชื้อในวงกว้างได้ ถ้าระบบเราไม่ดี เราก็จะ detect ไม่ได้ มารู้อีกทีอาจมีการระบาดไปแล้ว ดังนั้นการค้นพบผู้ป่วยและทำการรักษาได้แบบนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก

5. หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศจีนในขณะนี้ สามารถทำได้หรือไม่

ในขณะนี้ไม่มีการจำกัดการเดินทางผ่านเข้าออกประเทศจีน ดังนั้นหากจำเป็นต้องเดินทางยังทำได้ตามปกติครับ เพียงแต่ควรเฝ้าระวังการติดเชื้อ โดยทางองค์การอนามัยโลกออกประกาศคำแนะนำในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส คือ หมั่นล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ถูมือเพื่อฆ่าเชื้อโรค หากไอหรือจามควรปิดปากและจมูกให้ดี หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับใครที่มีอาการไอหรือไข้หวัด รับประทานเนื้อสัตว์และไข่ที่ถูกปรุงจนสุกด้วยความร้อนทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่ามีชีวิตและฟาร์ม  

 

 

6. การระบาดในรอบนี้จะจบอย่างไร 

จริงๆไม่มีใครรู้ครับ เพราะการระบาดแต่ละครั้งคาดเดายากครับ ลองยกตัวอย่าง เช่น

  • การระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003 ตอนนั้นเราตื่นตระหนกกันมาก เพราะมีผู้ป่วยในหลายประเทศ และเชื้อมีความรุนแรงมาก แต่เราก็โชคดีที่สามารถควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้ไม่เกิดการระบาดของโรคนี้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน
  • การระบาดบางครั้งจะเกิดเป็นวงกว้างทั่วโลก เช่นการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ตอนนั้นช่วงแรกๆถ้าใครจำได้ ก็มีความตื่นตระหนกกันมาก เพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีความรุนแรง มีอัตราตายมากกว่าไข้หวัดใหญ่ปกติโดยเฉพาะในประเทศเม็กซิโก แต่ก็โชคดีครับ ที่แม้ว่าเชื้อ H1N1 2009 จะแพร่ไปทั่วโลก แต่ความรุนแรงกลับไม่มาก เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น ทำให้ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 อีกต่อไป
  • การระบาดบางอย่างจำกัดอยู่ในบางพื้นที่ เช่น โรคอีโบล่าใน DR Congo ฯลฯ   

ดังนั้นเราคงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าการระบาดรอบนี้ของ Novel Coronavirus จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าทุกผ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักระบาดวิทยาได้เรียนรู้มากขึ้น และมีความก้าวหน้าทางวิชาการมากขึ้น ดังนั้นน่าเชื่อว่า ผู้เกี่ยวข้องจะสามารถควบคุมโรคนี้ได้ และสามารถเก็บข้อมูล ทำวิจัย เพื่อตอบคำถามที่เรายังไม่รู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ผู้ที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ควรสังเกตอาการ ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย ภายใน 14 วันควรไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางเสมอ
  • ควรติดตามข่าวสารการระบาดของโรคอยู่เป็นระยะ โดยติดตามได้ที่ website ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือที่ US CDC Travel Notice